ทักษะภาวะผู้นำด้านการสร้างทีมงาน (Team building Leadership Skill)
ดร.บุญช่วย สายราม
ทักษะภาวะผู้นำ (Leadership Skills) เป็นกระบวนการใช้ความสามารถและความชำนาญในการปฏิบัติงานตามหน้าที่และการบริหารงานในองค์กรให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล การพัฒนาทักษะภาวะผู้นำช่วยให้ผู้นำมีความเข้าใจในประสบการณ์และเข้าใจคุณค่าของความเป็นผู้นำในตัวเอง ตระหนักถึงวิธีการขจัดความขัดแย้งในการปฏิบัติงาน ส่งเสริมพฤติกรรมและพัฒนาความสามารถพิเศษของความเป็นผู้นำ มุ่งบรรลุเป้าหมายของการปฏิบัติงานร่วมกันภายใต้ความท้าทายต่างๆ โดยให้ทุกคนมีบทบาทและมีส่วนร่วมในการวางแผนไปสู่เป้าหมายของการปฏิบัติงานร่วมกัน หากกล่าวถึงทักษะภาวะผู้นำที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 (Essential Leadership Skills in the 21st Century) ซึ่งเป็นทักษะภาวะผู้นำที่จะต้องเสริมสร้างให้เกิดขึ้นในตัวของผู้นำในระดับต่างๆ ได้แก่ ทักษะการสร้างทีมงานที่มีประสิทธิผล (Effective Team Building Skill) ทักษะการแก้ปัญหา (Problem Solving Skills) ทักษะการวางแผน (Planning Project Skills) ทักษะการกำกับการปฏิบัติงาน (Performance Monitoring Skills) ทักษะการสื่อสาร (Communication Skills) ทักษะการสร้างความสัมพันธ์ (Relationship Building up Skills) ทักษะการเป็นพี่เลี้ยง (Coaching Skills) ทักษะทางสังคม (Social Skill) ทักษะการติดสินใจ (Decision Making Skill) ทักษะการกระตุ้นจูงใจ (Motivational Skills) ทักษะการคิดและสะท้อนผล (Reflective & Thinking Skills) ทักษะการจัดการตนเอง (Self-Management Skills) ทักษะด้านการใช้เทคโนโลยี (Technological Skills) ทักษะด้านการเรียนการสอน (Pedagogical Skills) ทักษะด้านความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence Skills) ทักษะการเสริมพลังอำนาจ (Empowerment Skills) ทักษะการกำหนดวิสัยทัศน์ (Visioning Skills) ทักษะการบริหารเวลา (Time Management Skills) ทักษะการแก้ปัญหาความขัดแย้ง (Conflict Resolution) และ ทักษะการจัดการความเสี่ยง (Risk Management Skills) Organization for Economic Cooperation and Development (OECD), ได้กล่าวเกี่ยวกับทักษะภาวะผู้นำที่จำเป็นสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา พบว่า ผู้นำโรงเรียนที่มีประสิทธิภาพจะต้องมีทักษะในการปฏิบัติงาน และมีความสามารถในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน ถ้าผู้นำโรงเรียนขาดทักษะภาวะผู้นำก็จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาของโรงเรียนได้ ซึ่งทักษะภาวะผู้นำต้องอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจเกี่ยวกับภาระงานและบุคคลลากร ผู้บริหารโรงเรียนจึงต้องได้รับการสนับสนุนให้ได้รับการพัฒนาทักษะ ความรู้ และประสบการณ์ในการปฏิบัติงานเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันในบริบทของโลกยุคใหม่ สอดคล้องกับ งานวิจัยของ Lee (2008) พบว่า ทักษะภาวะผู้นำโรงเรียนที่ส่งผลต่อการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นในการปฏิบัติงานร่วมกันให้ประสบความสำเร็จ ได้แก่ ทักษะการสร้างทีมงาน (Team Building Skill) ทักษะด้านความร่วมมือ (Collaboration Skill) ทักษะด้านการคิดวิเคราะห์และสร้างสรรค์ (Critical Thinking And Creativity Skill) ทักษะด้านการแก้ปัญหา (Problem Solving Skill) ทักษะด้านการสื่อสาร (Communication Skill) และทักษะด้านนวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้ (Learning Innovation Skill) และงานวิจัยของ National Association of Secondary School Principals (NASSP) (2013) พบว่า ทักษะภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 ที่สำคัญและส่งผลดีต่อการบริหารโรงเรียนให้เกิดผลสำเร็จตามเป้าหมาย ได้แก่ ทักษะการทำงานเป็นทีม (Teamwork Skill) ทักษะการแก้ปัญหา (Problem Solving Skills) ทักษะด้านการคิดวิเคราะห์และสร้างสรรค์ (Critical Thinking and Creativity Skill) ทักษะด้านการสื่อสาร (Communication Skill) ทักษะด้านนวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้ (Learning Innovation Skill) ทักษะด้านการใช้ดิจิตอล (Digital Literacy Skills) ทักษะการกำหนดทิศทางองค์กร (Setting Instructional Direction Skill) ทักษะการเรียนรู้ได้เร็ว (Sensitivity Skill) ทักษะการพิจารณาตัดสิน (Adjustment Skill) และ ทักษะมุ่งผลสัมฤทธิ์ (Results Orientation Skill) จากการศึกษาขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organization for Economic Cooperation
and Development : OECD) เกี่ยวกับการบริหารและพัฒนาการศึกษาของประเทศต่างๆ ที่มีผลการจัดการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพในอันดับต้นๆ ของโลก
ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ สิงคโปร์
ฮ่องกง เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น
พบว่า กลุ่มประเทศที่จัดการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพอย่างต่อเนื่องในอันดับต้นๆของโลกเหล่านี้ ผู้บริหารสถานศึกษาได้รับการพัฒนาให้มีทักษะภาวะผู้นำที่จำเป็นอย่างต่อเนื่อง เพราะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการบริหารงานในสถานศึกษาให้เกิดประสิทธิผลสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะที่สำคัญ คือ ทักษะภาวะผู้นำด้านการสร้างทีมงาน (Team
Building Leadership
Skill) และทักษะการจัดการความขัดแย้ง (Conflict Management
Skill) (Organization for Economic Cooperation
and Development, 2012)
ดร.บุญช่วย สายราม
ทักษะภาวะผู้นำ (Leadership Skills) เป็นกระบวนการใช้ความสามารถและความชำนาญในการปฏิบัติงานตามหน้าที่และการบริหารงานในองค์กรให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล การพัฒนาทักษะภาวะผู้นำช่วยให้ผู้นำมีความเข้าใจในประสบการณ์และเข้าใจคุณค่าของความเป็นผู้นำในตัวเอง ตระหนักถึงวิธีการขจัดความขัดแย้งในการปฏิบัติงาน ส่งเสริมพฤติกรรมและพัฒนาความสามารถพิเศษของความเป็นผู้นำ มุ่งบรรลุเป้าหมายของการปฏิบัติงานร่วมกันภายใต้ความท้าทายต่างๆ โดยให้ทุกคนมีบทบาทและมีส่วนร่วมในการวางแผนไปสู่เป้าหมายของการปฏิบัติงานร่วมกัน หากกล่าวถึงทักษะภาวะผู้นำที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 (Essential Leadership Skills in the 21st Century) ซึ่งเป็นทักษะภาวะผู้นำที่จะต้องเสริมสร้างให้เกิดขึ้นในตัวของผู้นำในระดับต่างๆ ได้แก่ ทักษะการสร้างทีมงานที่มีประสิทธิผล (Effective Team Building Skill) ทักษะการแก้ปัญหา (Problem Solving Skills) ทักษะการวางแผน (Planning Project Skills) ทักษะการกำกับการปฏิบัติงาน (Performance Monitoring Skills) ทักษะการสื่อสาร (Communication Skills) ทักษะการสร้างความสัมพันธ์ (Relationship Building up Skills) ทักษะการเป็นพี่เลี้ยง (Coaching Skills) ทักษะทางสังคม (Social Skill) ทักษะการติดสินใจ (Decision Making Skill) ทักษะการกระตุ้นจูงใจ (Motivational Skills) ทักษะการคิดและสะท้อนผล (Reflective & Thinking Skills) ทักษะการจัดการตนเอง (Self-Management Skills) ทักษะด้านการใช้เทคโนโลยี (Technological Skills) ทักษะด้านการเรียนการสอน (Pedagogical Skills) ทักษะด้านความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence Skills) ทักษะการเสริมพลังอำนาจ (Empowerment Skills) ทักษะการกำหนดวิสัยทัศน์ (Visioning Skills) ทักษะการบริหารเวลา (Time Management Skills) ทักษะการแก้ปัญหาความขัดแย้ง (Conflict Resolution) และ ทักษะการจัดการความเสี่ยง (Risk Management Skills) Organization for Economic Cooperation and Development (OECD), ได้กล่าวเกี่ยวกับทักษะภาวะผู้นำที่จำเป็นสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา พบว่า ผู้นำโรงเรียนที่มีประสิทธิภาพจะต้องมีทักษะในการปฏิบัติงาน และมีความสามารถในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน ถ้าผู้นำโรงเรียนขาดทักษะภาวะผู้นำก็จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาของโรงเรียนได้ ซึ่งทักษะภาวะผู้นำต้องอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจเกี่ยวกับภาระงานและบุคคลลากร ผู้บริหารโรงเรียนจึงต้องได้รับการสนับสนุนให้ได้รับการพัฒนาทักษะ ความรู้ และประสบการณ์ในการปฏิบัติงานเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันในบริบทของโลกยุคใหม่ สอดคล้องกับ งานวิจัยของ Lee (2008) พบว่า ทักษะภาวะผู้นำโรงเรียนที่ส่งผลต่อการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นในการปฏิบัติงานร่วมกันให้ประสบความสำเร็จ ได้แก่ ทักษะการสร้างทีมงาน (Team Building Skill) ทักษะด้านความร่วมมือ (Collaboration Skill) ทักษะด้านการคิดวิเคราะห์และสร้างสรรค์ (Critical Thinking And Creativity Skill) ทักษะด้านการแก้ปัญหา (Problem Solving Skill) ทักษะด้านการสื่อสาร (Communication Skill) และทักษะด้านนวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้ (Learning Innovation Skill) และงานวิจัยของ National Association of Secondary School Principals (NASSP) (2013) พบว่า ทักษะภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 ที่สำคัญและส่งผลดีต่อการบริหารโรงเรียนให้เกิดผลสำเร็จตามเป้าหมาย ได้แก่ ทักษะการทำงานเป็นทีม (Teamwork Skill) ทักษะการแก้ปัญหา (Problem Solving Skills) ทักษะด้านการคิดวิเคราะห์และสร้างสรรค์ (Critical Thinking and Creativity Skill) ทักษะด้านการสื่อสาร (Communication Skill) ทักษะด้านนวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้ (Learning Innovation Skill) ทักษะด้านการใช้ดิจิตอล (Digital Literacy Skills) ทักษะการกำหนดทิศทางองค์กร (Setting Instructional Direction Skill) ทักษะการเรียนรู้ได้เร็ว (Sensitivity Skill) ทักษะการพิจารณาตัดสิน (Adjustment Skill) และ ทักษะมุ่งผลสัมฤทธิ์ (Results Orientation Skill)
การพัฒนาโปรแกรมเสริมสร้างทักษะภาวะผู้นำด้านการสร้างทีมงานของผู้บริหารโรงเรียน
ผู้เขียนได้ศึกษา หลักการ แนวคิด
ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับทักษะภาวะผู้นำด้านการสร้างทีมงาน ซึ่งสรุป ดังนี้
1. องค์ประกอบหลักด้านการก่อตั้งทีม (Forming) มี 4
ตัวบ่งชี้ คือ
1.1 การกำหนดเป้าหมาย
1.2 การกำหนดวัตถุประสงค์
1.3 การคัดเลือกสมาชิก
1.4 การกำหนดบทบาทหน้าที่
2. องค์ประกอบหลักด้านการรวมทีม (Storming) มี 4 ตัวบ่งชี้ คือ
2.1 การพัฒนาทีม
2.2 การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
2.3 การมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี
2.4 การขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์
3. องค์ประกอบหลักด้านการสร้างบรรทัดฐานของทีม (Norming) มี 4 ตัวบ่งชี้ คือ
3.1 การมีภาวะผู้นำร่วม
3.2 การมีวิสัยทัศน์ร่วม
3.3 การมีความไว้วางใจ
3.4 การมีความเหนียวแน่นในทีม
4. องค์ประกอบหลักด้านการปฏิบัติงานของทีม (Performing) มี 7 ตัวบ่งชี้ คือ
4.1 การกำหนดแผนปฏิบัติงานของทีม
4.2 การมีแรงจูงใจมุ่งผลสัมฤทธิ์
4.3 การคิดสร้างสรรค์
4.4 การมีส่วนร่วม
4.5 การสร้างบรรยากาศที่ดี
4.6 การตัดสินใจของทีม
4.7 การแก้ปัญหาของทีม
5. องค์ประกอบหลักด้านการสะท้อนผลงานและการขับเคลื่อนทีม (Feedback and Dynamic) มี 2
ตัวบ่งชี้ คือ
5.1 กระบวนการทำงานของทีม
5.2 การเรียนรู้ของทีม
Reference
Biech, Elaine.
(2008). The
Pfeiffer Book of Successful Team-Building
Tools : Best of the Annuals.
Second Edition. United
States of America:
Pfeiffer.
Cook,
Sarah. (2009). Building a High- Performance
Team Proven Techniques for
Effective Team
Working. IT Governance Publishing:
United Kingdom.
Diamond, L. E. and Diamond, Harriet.
(2007). Teambuilding That Gets Results
:
Essential Plans and Activities
for Creating Effective
Teams. Illinois:
Naperville.
Dyer,
W. G., Gibb, W. and Jeffrey H. (2007). Team
Building : Proven
Strategies
for
Improving Team Performance. Fourth
Edition. San Francisco:
John Wiley.
Students. New York: Continuum
International Publishing Group.
>San Francisco:
John Wiley.
Weigel, R. A. (2012). School
Leadership Skill Development. Dissertation
Ph.D. Thesis
in Educational Leadership.
Eastern Michigan University,
Michigan.
Wellington, P. and Niall Foster. (2009). Effective Team Leadership for Engineers.
The Institution
of Engineering and Technology: United
Kingdom.
West,
M. A. and Markiewicz, L. (2004). Building
Team-Based Working: a Practical
Guide to Organizational Transformation. United
Kingdom: Blackwell Publishing.
Woodcock, M. and Dave Francis. (2008). Team Metrics Resources
for Measuring and Improving
Team Performance. Massachusetts : HRD Press,
Inc.
Yost,
P.R. and Plunket,
Mary Mannion. (2009). Real
Time Leadership
Development. Singapore:
Wiley-Blackwell.
Yukl,
G. (2010). Leadership in Organization. New York: Person
Prentice Hall.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น